ทำ PR แบบไหน ? ถูกใจคน Digital
Public Relations หรือ PR เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่สามารถซัปพอร์ตกลยุทธ์ทางการตลาดและการทำ Branding ให้แข็งแกร่งขึ้นได้ คนทำ PR จึงต้องรู้จักปรับตัวไปตามยุคสมัย ซึ่งในในยุคปัจจุบันคนมักเรียกว่า Digital PR เพราะเป็นยุคที่มีเครื่องมือและข้อมูลมากมายมหาศาลให้เลือกหยิบขึ้นมาใช้ วางเป้าหมายของแบรนด์ที่ชัดเจน PR เป็นวิธีช่วยสื่อสารความตั้งใจต่าง ๆ ของแบรนด์ออกไปสู่กลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น จะต้องมี Goal และ Target ที่ชัดเจน เพื่อกำหนดทิศทางของคอนเทนต์ในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง Quality ≠ Quantity คอนเทนต์ PR ต้องเน้นเรื่องของคุณภาพมากกว่าเน้นปริมาณ หากเนื้อหาไม่ดีจะปล่อยออกไปมากเท่าไหร่ก็ไม่เวิร์ก แต่ถ้าทำคอนเทนต์ดี ๆ ออกมาซักหนึ่งตัว ผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ จากข้อมูล ความต้องการ ความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี คนจดจำแบรนด์ เกิด Like เกิด Share ได้แก่ (1) คอนเทนต์ที่มีเฉพาะเราหรือเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อย่างวิเคราะห์งานวิจัย วิเคราะห์ Success Case การวิเคราะห์ข่าวกระแส ทำให้เกิดการกดกลับมาที่เราซึ่งเป็นโพสต์ต้นทางได้อีกด้วย (2)โพสต์กระแส สิ่งที่คนกำลังสนใจหรือชอบพูดถึงเพื่อกระตุ้น Emotional ให้เกิดการคล้อยตาม เกิดการแชร์ต่อ แต่ต้องระวังในเรื่องของการใส่สีตีไข่มากเกินไป พยายามใช้สิ่งที่เป็น Fact ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นโพสต์ที่คนไม่ให้คุณค่า แถมยังโดนกระแสตีกลับในแง่ลบอีกด้วย สะดุดตาและดึงดูดความสนใจ การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่เพียงแค่เนื้อหาคอนเทนต์ที่เป็นตัวหนังสือเท่านั้น ภาพที่ใช้สื่อสารต้องสอดคล้องเป็นไปตามเนื้อหาของคอนเทนต์ด้วย ต้องดูดี สะดุดตา มีความโดดเด่น และน่าสนใจ Build Trend คอนเทนต์ที่โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของแบรนด์นั้น สามารถสร้าง Impact เกิดเป็นเครือข่ายขยายตัวออกไปได้ไกลมากในแบบที่คาดไม่ถึง โดยสามารถใช้เหล่า Influencer ช่วยทำให้เกิดกระแสขึ้นได้ นอกจากนั้นเนื้อหาที่น่าสนใจ มีประโยชน์ และเป็นเรื่องที่คนกำลังอินในขณะนั้น จะทำให้เกิดการแชร์ Comment และสื่อสารกันต่อไปเรื่อย ๆ ส่งผลให้คนรู้จักและสนใจในแบรนด์ได้มากขึ้น ใส่ Keyword เสมอ เพราะการทำ PR คือการช่วย Build SEO …
ถอดความสำเร็จและเรียนรู้จาก PR Campaign อย่าง LEGO Rebuild the World เมื่อของเล่นขอมีส่วนร่วมสร้างโลกใหม่
ย้อนไปเมื่อปี 2019 มีบริษัทของเล่นระดับโลกที่เปิดตัวแคมเปญ PR ขึ้นมา นั่นคือ LEGO ในชื่อ ‘Rebuild the World’ ถือเป็นแคมเปญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ LEGO ในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว โดยแคมเปญนี้เกิดขึ้นจากการศึกษาพฤติกรรมของเด็ก ๆ ชาวอังกฤษ ที่หยิบ iPad ขึ้นมาดูอยู่บ่อย ๆ แทนการเล่นของเล่นตามวัย มาดูกันว่า LEGO มีการวางแผนและนำเสนอแคมเปญ PR นี้ให้สำเร็จได้อย่างไรบ้าง ? คิดจาก Pain Point และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย วางเป้าหมายของแคมเปญ PR ให้ชัดเจน โดย LEGO นั้น ตั้งใจสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่ LEGO ไม่ใช่แค่ของเล่นเด็กอีกต่อไป แต่คือเครื่องมือที่เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ Set Storyline ของ Product ให้สอดคล้องกับเทรนด์และเทคโนโลยี เลือกนำเสนอแคมเปญ PR ผ่าน Online to Below The Line จากวิดีโอคอนเทนต์ มีการเช่าพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับ Present โลกใหม่ ในมุมของ LEGO ตามแคมเปญและคอนเซปต์ด้วย มีการ Survey วัดผลความสำเร็จของแบรนด์ ผ่านความน่าเชื่อถือ คุณภาพสินค้า ความโดดเด่น และ LEGO ประสบความสำเร็จ ครองอันดับ 1 จากการสำรวจ Superbrand ของชาวอังกฤษ …
ทำธุรกิจ ตั้งเป้าหมายเดิมไว้ แต่เปลี่ยนวิธีหาเงินตามยุคสมัย คุณตัน ภาสกรนที เจ้าของอิชิตัน
ตั้งเป้าหมายเดิมไว้ แต่เปลี่ยนวิธีหาเงินตามยุคสมัย ถอดบทพูดคุยบนเวทีของ คุณตัน ภาสกรนที เจ้าของ ‘อิชิตัน’ ในงาน SMEs HERO Fest อย่างที่เราทราบกันดีว่า คุณตัน ภาสกรนที เป็นบุคคลและเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำชา ‘อิชิตัน’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก มีทั้ง Personal Branding ที่ผู้คนจดจำ มีทั้งความสำเร็จที่สร้างไว้มากมายในด้านธุรกิจ บนเวทีนั้น คุณตันเปิดด้วยประโยคที่น่าสนใจว่า ‘ให้ตั้งเป้าหมายเดิมไว้ แล้วเปลี่ยน วิธีในการหารายได้ เราไม่จำเป็นต้องทำเองทุกอย่าง ให้คนที่รู้ดีกว่าทำแทนจะสำเร็จเร็วกว่า’ เปิดวิธีทำธุรกิจในแบบคุณตัน จับ 3 ประเด็นหลัก เป็นเนื้อความมาเขียนไว้ได้แก่… ในการทำธุรกิจอย่างลืมเป้าหมายเดิมที่ตั้งมั่นไว้ ให้ยังคงอยู่ในเป้าหมายเดิม แล้วเปลี่ยนวิธีการหารายได้ให้เข้ามาหาเรา บนการไม่ยอมแพ้ การไม่ยอมแพ้ในที่นี้ คือ การไม่ล้มเลิกความตั้งใจในเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่ให้หาวิธีใหม่ ๆ มาทดลองทำ ธุรกิจไหนมีปัญหาให้ลองเปลี่ยนคน พนักงานคนไหนมีปัญหาให้เปลี่ยนคนใหม่มาทำแทน เป็นต้น จะทำธุรกิจต้องเข้าใจการรักษาไว้ในสิ่งที่ใช่และเข้าใจในสิ่งที่ขาด ซึ่งการจะเชื่อมต่อแบรนด์หรือ ธุรกิจ จากรุ่นสู่รุ่นนั้นให้มองหาว่า อะไรที่ดีมีอยู่และควรเก็บรักษาไว้และควรเพิ่มอะไรใหม่ ๆ เข้าไปเพื่อให้เชื่อมต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเจ้าของธุรกิจไม่ต้องคิดเองทั้งหมด เราไม่ต้องเก่งทุกอย่างและให้หาคนเก่งด้านนั้น ๆ รู้ดีเรื่องนั้น ๆ มาทำแทนเรา …
การสร้างแบรนด์และการประชาสัมพันธ์องค์กรของแบรนด์นั้นๆ เป็นสิ่งที่แยกขาดจากกันไม่ได้ ต้องเข้าใจและเลือกใช้อย่างเหมาะสม
ยังมีหลายคนที่เข้าใจผิดและสับสนระหว่าง Branding VS Public Relations คอนเทนต์นี้จะมาแยกให้เห็นความแตกต่างของการทำงานทั้งสองพาร์ทอย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การสร้างแบรนด์และการประชาสัมพันธ์องค์กรของแบรนด์นั้น ๆ เป็นสิ่งที่แยกขาดจากกันไม่ได้แต่ต้องเข้าใจและเลือกใช้อย่างเหมาะสม Branding แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำ เป็นสิ่งที่มุ่งเน้นให้เป็นภาพลักษณ์ที่คนจดจำ สิ่งที่นำเสนอจะต้องสอดคล้องกับองค์กร แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Public Relations การประชาสัมพันธ์ที่ไม่ว่าจะแบบสื่อหลักหรือ Digital PR สร้างและจัดความสัมพันธ์ระหว่าง องค์กร แบรนด์ ลูกค้า นักลงทุนและสื่อมวลชน รักษาภาพลักษณ์ที่ดีที่แบรนด์ได้นำเสนอไว้ผ่านทุกช่องทางสื่อสารอย่างต่อเนื่อง สร้างข่าว นำเสนอข่าวเพื่อเป็นความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีร่วมด้วย สำหรับในยุคดิจิทัลเพิ่ม Traffic เรื่องของ SEO เข้ามาด้วย …
เคลื่อนไหวทุกอย่าง อย่างมีกลยุทธ์และมีการวาง Timeline ให้ชัดเจน
ในการทำการประชาสัมพันธ์นั้น นอกจากจะมีการวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนยังจะต้องมีการวาง Timeline ที่เหมาะสมกับเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อให้สิ่งนี้นำไปสู่การวัดผลได้ตลอดทั้ง Journey ว่าสิ่งที่ทำนั้นเหมาะสมหรือไม่ หรือมีอะไรที่จะต้องแก้ไข Fix plan ให้ได้อย่างรวดเร็ว มีหลายตำราหรือหลายผู้เชี่ยวชาญออกมาเล่าการจัด PR Phasing ไว้หลากหลายแบบ แต่ทั้งนี้จะเล่าในรูปแบบตามประสบการณ์ของทีม Brand Communication – Strategy ที่นำโดยคุณอุ้ม Founder ของเรา Pre Phase : สำหรับการทำกลยุทธ์เราให้ความสำคัญกับเฟสนี้มากที่สุด เพราะเราเชื่อว่าการติดกระดุมให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจะเป็นตัวที่ทำให้เราขับเคลื่อนในเฟสต่อไปได้เร็วขึ้น แต่ทั้งการตีความของแต่ละคนในเรื่องกระดุมก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับความครีเอทีฟในกลยุทธ์ ไม่ปิดที่กระดุมแรกจะเป็นเม็ดไขว่เป็นสร้างสรรค์ หรือเม็ดเรียงแบบแพทเทิร์นนิยม ซึ่งในเฟสพรีนี้จะประกอบไปด้วย การตั้งคำถามอย่างมาก การ Research ตามคำถามให้ได้ในคำตอบและนำมาซึ่งการวางแผนเชิงกลยุทธ์ During Phase : หรือเฟสนี้เราเรียกว่า ‘ลงมือทำ’ ใน Excuse ที่วางไว้ให้สอดรับกับกลยุทธ์และเป้าหมายของการประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงการแก้ไขสิ่งที่ไม่เป็นไปตามแผนงานระหว่างทางอย่างต่อเนื่อง มี Keyword 4 ประโยคหลัก ๆ ในเฟสนี้คือ Execution, Monitor, Analyze, Develop Post Phase : เฟสนี้จะเป็นการตรวจเช็คกระบวนการทั้งหมดตาม Journey ให้เป็น Experience กับ KPI และเป็นการประเมินความสำเร็จของแคมเปญ ปกติที่แบรนด์คอม เราจะทำ Evaluation ในรูปแบบ Do Good VS Do Better …
ปัญหาของบริษัท Tech คือการมองข้าม PR & Marketing
‘ปัญหาของบริษัท Tech คือการมองข้าม PR & Marketing คุณเก่งแต่โลกไม่รู้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร อย่าง Apple เองมีวิธีทำ Marketing & PR ที่แนบเนียบมากจนคุณนึกไม่ถึง’ Credit : คุณหนุ่ย ที่ปรึกษาธุรกิจ การตลาด เดต้า, อาจารย์ และเจ้าของเพจการตลาดวันละตอน Page : การตลาดวันละตอน จากโพสต์ของคุณหนุ่ยดีจนเรา Brand Communication ต้องขออนุญาตนำมาทำภาพ Quote Content เพื่อ Remind กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี หรือ Startup อีกครั้งให้โฟกัสและให้ความสำคัญกับเรื่องการทำ PR & Marketing เพราะนี่คือประตูสู่ความสำเร็จที่แท้จริง PR แบบ Apple ทำยังไง ? เปิดเทคนิคการทำ PR หรือ Public Relations ในแบบฉบับของ Apple เลือกช่องทางการสื่อสารหลักผ่าน Official Media ของตัวเองในการประกาศเรื่องสำคัญ ๆ อย่างเช่น การเปิดตัวโปรดักส์ ใหม่ และใช้ช่องทางนี้ทำหน้าที่เป็นแหล่งข่าวที่ถูกต้อง ที่แรก เร็วที่สุด เพราะให้สื่อมาเอาเนื้อหาจากในเว็บไซต์นี้ไปช่วยกระจายข่าวต่อให้ ใน Key message ที่ถูกต้องเหมือนกันทั้งหมดและได้ในแบบที่อยากสื่อสาร ใช้ Event เป็นเครื่องมือหนึ่งของการประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะกับงานเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ และมาในคอนเซ็ปต์ ใหญ่ เซอร์ไพรส์ และเต็มไปด้วย Influencer ด้านเทคโนโลยี หรือ IT คนดังทั่วโลกมาร่วมงาน ใช้การโฆษณาเข้ามาซัพพอร์ตในกลยุทธ์ที่เรียกว่า ‘BOMB’ ยิงโฆษณากระจายในช่วงเวลานั้น ๆ ที่ต้องการแบบตูมเดียว ในทุกช่องทาง ทีวี, สื่อแมสมีเดีย, สื่อออนไลน์ ออฟไลน์ และเสมือนจริง วางขายในช่องทางหลักที่เป็น Store ของตัวเองเท่านั้น ทั้งหน้าร้านและร้านค้าออนไลน์ Apple X …
พูดก่อนบางทีเป็นข้อดี พูดไวไปบางทีคู่แข่งขโมยไอเดียได้ ฉะนั้นเวลาจะเริ่มสร้างอะไรใหม่ๆ ให้เคลื่อนไหวเงียบๆ พอคิดว่าถึงเวลาที่ใช่แล้วค่อยตะโกนออกไปให้ดัง!
คอนเทนต์นี้จะมาเล่าตัวอย่างของ PR Strategy ที่ดีเพื่อเป็นข้อมูล Guideline ให้สามารถนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนาให้เข้ากับธุรกิจและการค้าของตัวเองได้ Key Message ก่อนที่จะสร้าง Campaign PR อะไร ต้องสร้าง Key Message ที่เคลียร์มาก ๆ ชัดมาก ๆ แบบที่ การพูดสิ่งนี้ออกไปแล้ว Host ตลาดนี้และประโยคนี้ไปเลย ลองสังเกตให้ดีว่า แบรนด์ต่าง ๆ ที่จะ Generate Campaign PR อะไรจะมาพร้อม Wording Saying ที่ Impact ขั้นสูง เช่น ‘Pepsi ดีที่สุด’ ‘โค้กกินกับอะไรก็อร่อย’ หรือหากพูดถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกคนจะยังติดปากว่า ‘มาม่า’ เป็นต้น Digital Channel ในแต่ละช่องทาง Digital Channel นั้นทำความเข้าใจพฤติกรรมคนในช่องทางนั้น ๆ และเลือกทำคอนเทนต์หรือวาง Key Message ย่อยให้สอดคล้องกับพฤติกรรม เช่น คนใน TikTok ชอบความสนุกสนานบันเทิง ก็จะต้องพยายามสร้างสรรค์ให้เกิดคอนเทนต์ภาพชัดจาก Keyword ที่ว่า ‘โค้กกินกับอะไรก็อร่อย’ ออกมาให้ชัดเจนแบบสนุกสนานให้ได้ Digital Influencer กลุ่มนี้ ‘ยังทรงพลัง’ เลือกให้เหมาะสมให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย ในบางครั้งก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ Influencer ตัวใหญ่เสมอ มันขึ้นกับเป้าหมายของคุณว่าต้องการ ‘Big Picture Impact’ หรือว่าต้องการ ‘จำนวนมากเป็นความถี่’ Monitor เพื่อวิเคราะห์ Reach, Engagement, Conversion ว่าเป็นไปตามเป้าหมายกำหนดหรือไม่อย่างไร …
เจาะตัวอย่าง CEO คนดังที่มี Branding โคตรเจ๋ง
Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon มหาเศรษฐีที่มีเงินเป็นแสนแสนล้าน และเป็นผู้ที่ได้รับการขนาน นาม เรื่องของแนวคิดและเป็นต้นแบบของ CEO Branding ที่ทรงพลังอีกคนหนึ่งของโลก Jeff Bezos มี Personal Branding ที่แข็งแกร่งในด้านความเป็นผู้นำ ทั้งการปฏิบัติและความคิด ผู้ที่เป็นเจ้าของวลีคุ้นเคยผ่านสื่อบ่อย ๆ ที่ว่า ‘ผมโชคดีที่มีทีมงานดี มีพนักงานที่ดีเป็นมืออาชีพ’ Jeff Bezos นำเสนอและให้แนวคิดในการดำเนินธุรกิจของ Amazon ด้วยการมีลูกค้าเป็นคนสำคัญเสมอ ลูกค้ามาก่อน มาเป็นหลัก ผลักดันสิ่งนี้จนเป็น DNA ของเค้า และส่งต่อเป็น DNA ขององค์กร ทำให้องค์กรคอยพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าเสมอ นอกจากนี้ยังมี Wording ที่สะท้อนแนวคิดสำคัญ ๆ ออกมาให้เราได้กระตุกต่อมคิดและหยิบไปปรับใช้ได้ไม่น้อยเลย ซึ่งสิ่งนี้แหละคือ Point ที่ทำให้ Personal Branding ของ Jeff Bezos โดดเด่นในแง่ของผู้นำทางความคิด มีอะไรบ้างลองอ่านกันได้เลย ปลุกพลังตัวเองและสร้างทัศนคติให้เหมือนการเข้ามาทำงานในวันแรกเสมอ นั้นคือการมีไฟในการทำงาน กล้าคิด กล้าลงมือทำ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ผมคำนึงก่อนที่จะจ้างงานใครก็ตาม คนที่ผมจ้างต้องเป็นครูพิเศษให้กับผมได้เสมอ หมายความว่า ถ้าคุณโชคดีพอที่จะเจอคนแบบนี้รีบจ้างให้ไว คนที่เราสามารถสอนงานพวกเขาได้และพวกเขาเองก็สามารถสอนเรื่องต่าง ๆ ให้กับผมได้เช่นกัน ผู้นำที่ดีจะนำพาสิ่งที่ถูกต้องมาบ่อย ๆ แต่ไม่มีใครที่จะถูกตลอดเวลา คุณต้องใช้เวลาฝึกฝน แล้วสิ่งที่ถูกต้องมันจะเกิดบ่อยขึ้น ฟังมากขึ้น ฝึกมากขึ้น ถ้าคุณมีคนที่ชื่นชมอยู่ในสังคมเดียวกัน ออฟฟิศเดียวกัน พวกเขาอาจเป็นตัวอย่างที่ดีหรือเป็นแรงบันดาลให้กับคุณได้ แต่ในระหว่างนั้นพวกเขาก็ต้องเป็นคนที่รับฟังคนอื่นและพร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเองด้วย คนที่ฉลาดที่สุดมักจะทบทวนความเข้าใจและพิจารณาอีกครั้งถึงสิ่งที่แก้ไขไปแล้ว พวกเขาจะเปิดรับมุมมองใหม่ ยอมที่จะขัดแย้งหรือสร้างความท้าทายต่อแนวคิดของพวกเขา พนักงานใหม่ ต้องมีประสิทธิภาพแข็งแกร่งพอที่จะเข้ามาทำให้บริษัทก้าวไปข้างหน้า Credit Message Jeff Bezos : https://www.marketingoops.com/exclusive/opinion/jeff-bezos-looks-for-these-traits-when-hiring-at-amazon/ Photo : worldarchitecture …