ถ้าอยากบริหารธุรกิจสำเร็จเลือกตัดสินใจบนความถูกต้อง เมื่อไหร่ที่เลือกแค่ถูกใจอาจจะเสียหายใหญ่ยิ่ง
ถ้าคุณเป็น CEO จะตัดสินใจบนอะไร ระหว่าง ‘ถูกใจ’ หรือ ‘ถูกต้อง’ ผมเล่าในมุมของผม ในฐานะของ MD ที่นี่ และจากประสบการณ์ของการทำงานแสดง งานพิธีกร ฟรีแลนซ์ และจนปัจจุบันที่ผมบริหารธุรกิจอยู่ 3-4 บริษัท ผมมักจะได้ยิน 2 ประโยคนี้ มาคู่กันบ่อย ๆ บางครั้งเจอแบบมาพร้อมกัน คือจะเอาทั้งถูกต้องและถูกใจ อย่างนี้ผู้บริหาร หรือ CEO ต้องโฟกัสอะไรแบบนั้น ผมขอเล่าจากความคิดเห็นส่วนตัว ผมเน้นทำงานบนความถูกต้องมาก่อนเสมอ เพราะเรื่องของความถูกต้องนั้นเป็นเรื่องของการบริหารบนแนวคิดตามหลักสากล เพราะคนโดยส่วนมากจะคิดในหลักนี้กันทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ในการทำงานด้านซื้อสื่อโฆษณาที่มี Objective ชัดเจน มี Budget ชัดเจน มี Return จาก Media Spend ที่ชัดเจนและได้ตกลงกันไว้ แล้วเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดข้างบนที่ผมได้พูดไประหว่างทางแล้วจะคาดหวังผลลัพธ์แบบเดิมตั้งแต่ต้น แบบนี้ก็ชัดเจนมาก ว่าไม่ถูกต้อง ความถูกใจเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ คนเป็นร้อยคน เป็นล้านคนไม่มีทางชอบอะไรเหมือนกันและเป็นเรื่องของวิถีชีวิต กรอบประสบการณ์ล้วน ๆ ฉะนั้นความถูกใจจึงไม่เคยถูกนำมาวัดเป็นสากล และแทบจะวัดค่าอะไรไม่ได้เลย ผมยกตัวอย่าง ‘เรื่องความรัก ถ้าเป็นความถูกต้อง คนที่จะรักกันต้องโสดทั้งคู่ แต่ถ้าเป็นความถูกใจ เกิดผมดันไปหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งมาก ๆ แต่เขามีครอบครัวแล้วและผมพยายามจะแย่งมาครอบครองให้ได้ แน่นอนว่านั่นคือความไม่ถูกต้องแล้ว’ ความถูกต้อง VS ความถูกใจ ในการทำธุรกิจที่ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ไม่มีทางไปต่อได้ ถูกและดี ถ้าเลือกความถูกใจก่อนผลลัพธ์ตามมาที่เคยเจอคือความยุ่งเหยิง วุ่นวาย และบางครั้งถึงขั้นปวดหัว แต่ถ้าเลือกความถูกต้องก่อนจะไปต่อได้ง่ายขึ้น และความถูกต้องจะมาพร้อมกับสิ่งหนึ่งคือความเหมาะสม บางครั้งมันอาจจะขัดใจเราอยู่บ้างแต่ต้องฝึก เพราะถ้าธุรกิจของคุณขับเคลื่อนด้วยความถูกใจ คนที่จะเสียใจและเสียหายคงไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเจ้าของอย่างแน่นอน เลือกทำให้ถูกต้อง ผมว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว …
หนักแน่นในจุดยืนเพราะลูกค้าไม่ได้ถูกเสมอ
หนักแน่นในจุดยืนเพราะลูกค้าไม่ได้ถูกเสมอ มันน่าจะหมดยุคที่จะส่งต่อความคิดเรื่องของ ‘ลูกค้าถูกเสมอ’ หรือ ‘ลูกค้าเป็นใหญ่’ ได้แล้ว ยิ่งในองค์กรธุรกิจแบบเราที่เป็น Agency และต้องพบเจอกับลูกค้าหลายรูปแบบที่เข้ามาเป็นประสบการณ์กับเรา ที่นี่เราจะไม่สอนว่าทีมงานว่า ‘ลูกค้าเป็นใหญ่’ หรือ ‘ลูกค้าถูกเสมอ’ แต่เราจะสอนและให้แนวคิดทีมงานว่า ‘เราจะส่งมอบประสบการณ์ตามสิ่งที่ได้ตกลงไว้ร่วมกันกับลูกค้าอย่างซื่อสัตย์ต่อเป้าหมายนั้นสูงสุด บนความถูกต้องและเหมาะสม ไม่ใช่แค่ถูกใจ’ และหนักแน่นในจุดยืนนี้อย่างเต็มที่ ถามว่า หากมีองค์กรที่มอง ลูกค้าเป็นใหญ่ ‘เป็นพระเจ้า’ ผิดหรือไม่ ไม่ผิดขึ้นกับแนวนโยบายของแต่ละบริษัท แต่วิธีนี้สิ่งที่เราค้นพบคือจะได้ผลดีต่อการขายและธุรกิจในระยะสั้นและส่งผลเสียต่อองค์กรในระยะยาว บ่อยครั้งที่เราพบจากประสบการณ์เราว่า สาเหตุที่ลูกค้าไม่พอใจ ไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของสินค้าหรือบริการ แต่เกิดจากสิ่งที่ลูกค้าได้รับนั้นไม่ตรงกับความคาดหมาย ไม่ถูกใจจากความคาดหวังหรือผิดพลาดจากความเข้าใจของตนเอง เป็นการสื่อสารกันภายในที่ผิดพลาดหรือการวางแผนจากการบริหารภายในที่ยังไม่ดีพอ การแก้ไขไม่ใช่การทำให้ถูกใจ การสร้างให้ลูกค้าถูกต้องเสมอหรือเป็นใหญ่ แต่คือ การสื่อสาร อธิบายให้เข้าใจในรายละเอียดอิงตาม Objective, KPI, Scope of Work ที่ตกลงกันไว้ อีกอย่างการสร้างภาวะลูกค้าถูกเสมอ หากย้อนมองให้ดีจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์องค์กรในระยะยาวของบริษัท ทั้งยังเป็นเรื่องของการส่งต่อการทำงานที่ไม่เป็นระบบ ไม่มีหลักการ ซึ่งตรงนี้จะนำมาซึ่งโอกาสเกิดปัญหาการปฏิบัติงานของพนักงานในอนาคตและยังเป็นการฝึกให้พนักงานทำงานอย่างไม่เป็นระบบ ไม่มีหลักการ …
เปิดแนวทางที่จะสร้าง Brand Love ในยุคที่ลูกค้าเปลี่ยนใจได้ง่ายขึ้น
เปิดแนวทางที่จะสร้าง Brand Love ในยุคที่ลูกค้าเปลี่ยนใจได้ง่ายขึ้น Brand Love คือ สิ่งที่ทุกองค์กร ทุกแบรนด์ใฝ่ฝันและมีเป้าหมายที่อยากทำให้ได้ทำให้สำเร็จ และต้องเลิกเข้าใจผิดว่า Brand Love นั้นจะสร้างได้ แค่ Big Brand, การทำ Brand Love สามารถทำได้ทุกแบรนด์ ค่อย ๆ นำพาให้เติบโตไปพร้อมกับแบรนด์ได้ ภายใต้ของ Brand Love นั้น มี 4 ระนาบด้วยกัน เปิดด้วย Brand Attributes สร้างการแข่งขันกันด้วยราคาก่อนเพื่อเอาลูกค้าเข้ามาในแบรนด์ให้ได้ เรียกว่า เรียกรู้ค้ามารู้จักแบรนด์และโปรดักส์ให้ได้มากที่สุด ไม่แนะนำให้ทำนานจนลูกค้าเคยชินกับราคาต่ำและสงครามราคาแข่งขันยังไงก็ไม่มีทางรวย Brand Like กำหนดกลุ่มสินค้าและบริการที่ทำ Margin ต่ำ สร้างการแบ่ง Product Tier กับลูกค้าให้ชัดเจน และวาง Product Tier ในกลุ่มที่ราคา Margin สูงขึ้น ไม่งั้นจะปิดโอกาสการสร้างกำไรให้กับตัวเอง สร้างคอนเทนต์ให้ความรู้ รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ใช้ Marketing Tools เข้ามาซัปพอร์ต จนมาถึงขั้น Brand Loyalty ที่ลูกค้าไม่สนใจราคาขายและตั้งราคาขาย Margin เท่าไหร่ก็ได้ ดูโมเดลอะไรดี ? ดูจาก Shop Luxury Brand-name ที่แพงแค่ไหนลูกค้าก็ต่อแถวยาว …
สิ่งที่สำคัญในธุรกิจคือ win-win บน Business Connection เพราะธุรกิจไม่ใช่แค่ Know How แต่เป็น Know Who
สิ่งที่สำคัญในธุรกิจคือ win-win บน Business Connection เพราะธุรกิจไม่ใช่แค่ Know How แต่เป็น Know Who เป็นเรื่องเข้าใจได้ไม่ยากว่าในการทำธุรกิจนั้นไม่ใช่แค่ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ หรือองค์ความรู้ในการทำงาน แต่ธุรกิจนั้นเป็นเรื่องของ Connection หรือผู้คน การสร้าง Connection นั้น ว่ายากนิดหน่อยแล้ว แต่การรักษาไว้นั้นยากกว่า แต่มันก็มีหลักการคลาสสิกอยู่ 1 ข้อคือ win-win และการจะรักษาความสัมพันธ์นั้น คุณจะต้องกล้าที่จะลงทุนในความสัมพันธ์และในความสัมพันธ์ที่ว่านี้ไม่ใช่แค่กับลูกค้า กับ Partnership กับ Suppliers แต่เป็นกับลูกน้องและทีมงานด้วย โดย Coach ‘Jamie Birt’ พูดไว้ประโยคหนึ่งดีมาก ๆ คือ ‘ให้ในสิ่งที่เขาต้องการและรับในสิ่งที่เราต้องการ’ ด้วยวิธีการง่าย ๆ นัดดื่ม นัดพูดคุย คอย Keep Connection ไม่ใช่จะทักหาเขาเพียงแค่ต้องการประโยชน์จากเขาเท่านั้น ใช่อยู่ว่าถึงแม้ทั้ง 2 ฝ่ายจะต่างมองกัน บนผลประโยชน์ของตัวเองทางธุรกิจ แต่ต้องเรียนรู้อย่างเข้าใจว่าการที่เราสร้างความสัมพันธ์กันแบบผิวเผิน มันก็มีโอกาสจางหายเร็วไปได้ เป็นตัวของตัวเองอย่างจริงใจ และเผยให้เห็นถึงตั้งใจที่จะสานสัมพันธ์กับพวกเขา บนความเข้าใจเรื่องของการ ‘สร้างผลตอบแทน’ …
Content Marketing ทำยังไงให้คน Like, Share, Comment สร้างทั้ง Engagement และ CTA
Content Marketing ทำยังไงให้คน Like, Share, Comment สร้างทั้ง Engagement และ CTA เป็นลิสต์ที่รวมมาให้แต่ไม่ใช่ข้อกำหนดตายตัวทุกคอนเทนต์ต้องเอาไปปรับใช้กับพฤติกรรมคนที่ติดตามเรา จาก Data Insight ที่เรามี Short Video Content คนเข้าถึงง่ายมากที่สุดในยุคนี้และนี่คือ The New King อะไรก็ได้ที่น่ารัก บันเทิง ขำขัน ให้ความรู้ตาม Brand Identity หรือ Position ที่เราวางไว้ โยนเป็นคำถามให้ลูกค้าช่วยคิดคอนเทนต์ให้นี่คือคอนเทนต์ที่ Impact แก้ปัญหา ตั้งคำถาม คำคม แรงบันดาลใจ แนะนำที่กินดื่ม เที่ยว ฟรี พร้อมแจกโปรลับ โปรเด็ด …
ทำธุรกิจ ตั้งเป้าหมายเดิมไว้ แต่เปลี่ยนวิธีหาเงินตามยุคสมัย คุณตัน ภาสกรนที เจ้าของอิชิตัน
ตั้งเป้าหมายเดิมไว้ แต่เปลี่ยนวิธีหาเงินตามยุคสมัย ถอดบทพูดคุยบนเวทีของ คุณตัน ภาสกรนที เจ้าของ ‘อิชิตัน’ ในงาน SMEs HERO Fest อย่างที่เราทราบกันดีว่า คุณตัน ภาสกรนที เป็นบุคคลและเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำชา ‘อิชิตัน’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก มีทั้ง Personal Branding ที่ผู้คนจดจำ มีทั้งความสำเร็จที่สร้างไว้มากมายในด้านธุรกิจ บนเวทีนั้น คุณตันเปิดด้วยประโยคที่น่าสนใจว่า ‘ให้ตั้งเป้าหมายเดิมไว้ แล้วเปลี่ยน วิธีในการหารายได้ เราไม่จำเป็นต้องทำเองทุกอย่าง ให้คนที่รู้ดีกว่าทำแทนจะสำเร็จเร็วกว่า’ เปิดวิธีทำธุรกิจในแบบคุณตัน จับ 3 ประเด็นหลัก เป็นเนื้อความมาเขียนไว้ได้แก่… ในการทำธุรกิจอย่างลืมเป้าหมายเดิมที่ตั้งมั่นไว้ ให้ยังคงอยู่ในเป้าหมายเดิม แล้วเปลี่ยนวิธีการหารายได้ให้เข้ามาหาเรา บนการไม่ยอมแพ้ การไม่ยอมแพ้ในที่นี้ คือ การไม่ล้มเลิกความตั้งใจในเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่ให้หาวิธีใหม่ ๆ มาทดลองทำ ธุรกิจไหนมีปัญหาให้ลองเปลี่ยนคน พนักงานคนไหนมีปัญหาให้เปลี่ยนคนใหม่มาทำแทน เป็นต้น จะทำธุรกิจต้องเข้าใจการรักษาไว้ในสิ่งที่ใช่และเข้าใจในสิ่งที่ขาด ซึ่งการจะเชื่อมต่อแบรนด์หรือ ธุรกิจ จากรุ่นสู่รุ่นนั้นให้มองหาว่า อะไรที่ดีมีอยู่และควรเก็บรักษาไว้และควรเพิ่มอะไรใหม่ ๆ เข้าไปเพื่อให้เชื่อมต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเจ้าของธุรกิจไม่ต้องคิดเองทั้งหมด เราไม่ต้องเก่งทุกอย่างและให้หาคนเก่งด้านนั้น ๆ รู้ดีเรื่องนั้น ๆ มาทำแทนเรา …
อย่ารอให้พร้อมก่อนเลย พร้อม สมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง เมื่อไหร่ที่เราลงมือทำ เราจะค่อยๆ เห็นทางเองว่าจะต่อยังไงดี
ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของ เป็นลูกน้อง เป็นลูกจ้าง คุณจะไม่มีวันเข้าใจอะไรที่แท้จริงเลย ถ้าไม่ได้เคยลงมือทำเอง หลายครั้งที่เรามักจะได้ยินพ่อแม่พี่น้องเพื่อน บอกกับเราว่า รอให้ทุกอย่างพร้อมกว่านี้ก่อนไหม ค่อยลงมือทำ?? อย่าพึ่งเลย อย่ารีบเลย ไม่ต้องรีบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป จากอดีตพนักงานบริษัทในหลากหลายธุรกิจ มาสู่ที่ปรึกษา มาสู่เจ้าของธุรกิจมากกว่า 3 บริษัท สิ่งที่อุ้มได้เรียนรู้ชัดเจนคือ เราจะไม่มีวันเข้าใจอะไรอย่างแท้จริง ย้ำ!! อย่างแท้จริง ถ้าเรานั้นไม่ได้ลงมือทำมันจริง ๆ ด้วยตัวเอง และหลังจากที่ได้ลงมือทำแล้วนั้น อุ้มเพิ่มอีกหนึ่งคำเข้าไปนั่นคือ “ทำทันที” บางครั้งอาจจะมีแผนการหลวม ๆ รองรับบ้างแล้ว บางครั้งไม่มีแผนการอะไรเลย ตัดสินใจได้ก็ดุ่ม ๆ ทำเลย เพราะอะไร?? เพราะทุกครั้งอะไรที่วางแผนไว้อย่างดี นอนคิดหลายตลบไปมา สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอยู่ดี บางทีก็ต้องมาจบด้วยประโยค “รู้งี้” เมื่อมีคนอื่นเอาสิ่งนั้นไปทำก่อนเราและสำเร็จบ้างก็มี จากประสบการณ์ คิดว่า อย่ารอให้พร้อมก่อนเลย พร้อมสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง เมื่อไหร่ที่เราลงมือทำ เราจะค่อย ๆ เห็นทางเองว่าจะไปยังไงต่อ ซ้ายดี ขวาดี หรือพอแค่นี้ อย่างน้อยก็ได้คำตอบชัด ๆ จากการลงมือทำ …
Дизайнер В Ит: Зачем Он Нужен И Как Им Стать Журнал «код» Программирование Без Снобизма
Как создать сайт, на который пользователям захочется возвращаться снова и снова? Какой продукт вызовет у клиента радость и удивление? Какие способы для привлечения внимания используют дизайнеры со всего мира? Ответы на эти и другие вопросы даёт в своей книге Аарон Уолтер — ведущий дизайнер в области пользовательского опыта компании MailChimp. Для многих некрупных студий это привычное дело. Если в студии на проектах есть арт-дир или ведущий дизайнер, то в нашем случае в продукте приходится разбираться самому. Учебные и личные проекты нужно правильно представить работодателю. В статье Как описывать кейсы в портфолио, чтобы пройти отбор мы разбираемся, как оформлять результаты в …
แบรนด์ที่จะประสบความสำเร็จต้องสามารถจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ ส่งมอบเป็นคุณค่าสู่สินค้าให้ได้
หอมกระจายทั่วโลก อยากสำเร็จแบบ JO MALONE ทำแบบนี้สิ JO MALONE เป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ที่ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 22 ประเทศทั่วโลก บนความเชื่อใน 5 สิ่งสำคัญ ได้แก่ Inspiration แรงบันดาลใจ เรื่องราวที่จะนำไปสู่กลุ่มเป้าหมายนั้น ต้องเป็นแรงบันดาลใจได้มากพอจนพวกเค้ามีความรู้สึกร่วม ที่จะสร้างเป็นจิตใจด้านบวกที่มีต่อแบรนด์ จนนำไปถึงการสนับสนุนแบรนด์ Innovation ใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาผสานกับ Inspiration ของแบรนด์ จะทำให้เกิดโปรดักส์หรือบริการใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง Integrity สะท้อนคุณค่าที่แท้จริง โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) เคยให้คำแนะนำกับมาโลน เมื่อ 30 ปีก่อนว่า “การสร้างแบรนด์ที่สะท้อนคุณค่าของแบรนด์ (Integrity) และความซื่อสัตย์จริงใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฉะนั้นจงเป็นในสิ่งที่คุณเป็นอย่าหลอกตัวเอง” Ignition การจุดประกาย คุณโลนเชื่อว่าแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จต้องสามารถจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ สู่สินค้า Instinct สัญชาตญาณ เหล่า Marketeer ต้องพึ่งพาสัญชาตญาณของตัวเองเสมอ เพราะสิ่งที่อยู่ในผลิตภัณฑ์นั้นสำคัญมาก มันคือตัวแทนความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคในอีก 10-15 ปีข้างหน้า …
ถ้าหลีกเลี่ยงการขายสินค้าที่มีขายเหมือนกันเต็มตลาดไม่ได้ อย่าไปแข่งลดราคาแต่ให้สร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้ลูกค้าประทับใจ
ของมีเหมือนกันจนล้นตลาด!! ขายของเหมือนกันทำแบบไหนให้แตกต่าง ? นี่แหละที่เรียกว่า ‘สงครามราคา’ เมื่อมีคนขายของแบบเดียวกันจำนวนมาก ไม่มีอะไรแตกต่าง จึงต้องมาแข่งกันที่ราคา มีหลายเคล็ดลับมาบอกเพื่อให้นำไปใช้แก้ไขในภาวะที่ยังจำเป็นต้องขายของเหมือนคนอื่น Content Marketing สร้างการเขียนคอนเทนต์ที่แตกต่างและเป็นคอนเทนต์ที่นำไปสู่การปิดการขาย เช่น มีร้านขายไก่ทอดจำนวนมากในละแวกของคุณ รวมทั้งร้านของคุณ ลองใช้คอนเทนต์ในการสร้างการขาย เช่น ร้านไก่เจ้าแรกในถิ่นนี้ ร้านที่คนดังแวะมาเยอะที่สุด หรือร้านสุดท้ายไม่ซื้อไม่มีแล้วจ้า เป็นต้น สร้าง Personalization Experience สร้างสิ่งนี้ให้กับลูกค้าของคุณอยู่ตลอด ๆ เช่น การจัดแพ็ครวมสินค้าให้กับลูกค้าตามประวัติการซื้อตามข้อมูลลูกค้าที่คุณเก็บไว้ เช่น คนนี้ จัดแพ็ค ยาสระผมพร้อมครีมนวดผม เป็นต้น …