ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ทำแบบนี้แล้วธุรกิจคุณจะสำเร็จ
เหล่า CEO ควรทำธุรกิจแบบไหน ให้เข้าใกล้ความสำเร็จ จะทำธุรกิจต้องทำเป้าหมายให้ชัด เพราะนี่คือตัวที่จะเป็น ‘แก่น’ เป็นสิ่งที่คุณยึดเหนี่ยว เป็นคุณค่าที่จะผลักดันและเป็นข้อความสื่อสารที่คุณจะถ่ายทอดทัศนคติ แนวคิดนี้ไปยังทีมของคุณ ทำธุรกิจด้วยกลยุทธ์บนจุดแข็ง ‘สร้างให้แตกต่าง’ ไม่แข่งขันด้านราคา เพราะยิ่งคุณเป็นธุรกิจเริ่มต้นใหม่ทุนบาง คุณต้องวางกลยุทธ์หาจุดแข็งของคุณด้านอารมณ์ เพื่อบิ้วเป็นความเชื่อของคนให้ได้ อย่าไปแข่ง ‘สงครามราคา’ ยังไงก็แพ้กลุ่มยักษ์ใหญ่ ด้วยทุน ด้วยคน ด้วยเทคโนโลยี เขา copy paste ขายแทนคุณได้อย่างง่ายและรวดเร็ว กฏ 80/20 ต้องเข้า เน้นทุกอย่างให้เกิดยอดขายให้ได้ หา Product Hero ที่จะสร้างยอดขาย 80% ให้คุณให้ได้ แล้วมุ่งเป้าการพัฒนาไปที่สิ่งนั้นให้เติบโต หา DNA ให้ชัด ไม่ใช่ DNA ที่แค่คุณเชื่อ แต่ต้องมีลูกค้าที่เห็นได้ชัดจาก DNA นั้น ๆ เริ่มจาก 1 เป็น 100 ล้านได้ ถ้าคุณรู้เทคนิคข้อนี้ หา Partner ธุรกิจที่เชื่อในแนวคิดและความเป็นไปได้แบบเดียวกับคุณ เพื่อมาร่วมปั้นมันไปด้วยกัน เรามีอายุขัย อย่าไปคิดว่าจะทำธุรกิจไปตลอดชีวิต วางแผนทำธุรกิจให้สำเร็จในระยะสั้นที่สุด แล้วออกไปใช้ชีวิตของคนรวยซะ …
อยากได้แผนธุรกิจที่ดี ไม่ใช่แค่ประชุมทีม แต่ต้องฟังจากเสียงลูกค้าและสร้างการสื่อสารให้ชัดว่า เขาและเราคือ ‘คนที่ใช่’ ของกันและกัน
อยากได้แผนธุรกิจที่ดี ไม่ใช่แค่ประชุมทีม แต่ต้องฟังจากเสียงลูกค้าและสร้างการสื่อสารให้ชัดว่า เขาและเราคือ ‘คนที่ใช่’ ของกันและกัน นั่งถามกันในที่ประชุม จะทำธุรกิจอะไรดี จะทำสินค้าและบริการอะไรดี ? คำตอบที่ได้จะเป็นแนวคิดและมุมมองจากฝั่งเราแค่ฝั่งเดียวในสิ่งที่เราอยากขาย แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว สิ่งที่สะท้อนกลับ คือมันไม่ตอบโจทย์หรือถูกใจลูกค้า ฉะนั้นการทำแผนธุรกิจที่ดีที่สุดที่มากกว่าการแค่นั่งคิดเองคือ ‘การถามลูกค้า’ ลูกค้าคือเข็มทิศของธุรกิจที่ดีที่สุด เคยเจอไหม ? จริง บริษัทเราเซอร์วิสแค่นี้นะ แต่เมื่อเกิดความไว้ใจจากลูกค้าแล้ว ลูกค้าจะเป็นคนนำโปรดักส์อื่น ๆ มาป้อนใส่มือให้เราขายเอง และบางครั้งดันเป็นโปรดักส์ที่ขายดีกว่าโปรดักส์ตั้งต้นที่วางแผนไว้ซะดิบดี นอกจากนี้เสียงของลูกค้า ยังเป็นตัวที่ทำให้เราเห็นตัวเองในอีกมิติที่คนนอกมองเรา บางครั้งเราคิดว่าเราเก่งเรื่องนี้ แกร่งเรื่องนี้ จุดขายเราคือเรื่องนี้ แต่เอาจริงแล้วลูกค้าอาจจะ shopping เราจากเหตุผลอื่นก็ได้ การฟังให้มากกว่าพูด การตั้งคำถามให้เยอะ ๆ ยังเป็นพื้นฐานของการ create แผนกลยุทธ์อยู่เสมอ …
หากเทียบ CEO เท่ากับนก นกจะบินได้ดีไม่ใช่แค่ปีก แต่คือลมใต้ปีกที่ดี นั่นคือ ‘ทีมที่ดี’
หากเทียบ CEO เท่ากับนก นกจะบินได้ดีไม่ใช่แค่ปีก แต่คือลมใต้ปีกที่ดี นั่นคือ ‘ทีมที่ดี’ หลักวิทยาศาสตร์ ‘สมการแบร์นูลลี’ ที่ใช้สร้างเครื่องบินกันเลยทีเดียว ที่สามารถเอามาเปรียบเทียบกับการทำธุรกิจเพื่อให้ไปในทิศทางที่ดีได้กว่าคนอื่น หลายครั้งหลายคราที่เราฟังจากบทสัมภาษณ์นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ส่วนมากเขาจะให้เครดิตตัวเองน้อย แต่ยกเครดิตส่วนมากให้กับคนอื่น บอกว่าตัวเองโชคดีแบบนั้น แบบนี้ นั่นเป็นเพราะการรู้สึกขอบคุณและให้เกียรติผู้อื่น เพราะเอาจริง ๆ การที่เขาจะบอกว่าตัวเองเก่ง ฉลาด ก็คงไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไรมากนักจากที่ทำสำเร็จ คนเหล่านี้แหละในการทำงานเราเรียกว่า ‘ลมใต้ปีก’ ลมที่คอยพยุงไว้ในวันที่เขาอ่อนแรง ลมที่คอยเป็นความสุขความอบอุ่นให้กับเขา ลมที่คอยดันให้เขาบินขึ้นสูงได้มากยิ่งขึ้นไปอีก CEO ที่ชาญฉลาด ใช้ปีกได้อย่างคล่อง จะรู้จักใช้ลมในจังหวะที่ดี รู้จักจังหวะหย่อน จังหวะตึง รู้ว่าบางอย่างก็ต้องปล่อยเพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ รู้จักจังหวะเร่งสะบัดปีก เพื่อควบคุมลมให้ดีในทุกจังหวะถึงจะผ่านไปได้อย่างดีในทุกเหตุการณ์ลม …
CEO ต้องโฟกัสให้ถูกเรื่อง โดยเฉพาะการเลือกคบเพื่อน เพราะมีอะไรให้ต้องทำมากกว่าแค่เสียอารมณ์จากที่เพื่อนชวนไปเที่ยวแล้วงอลที่เราไม่ไป
CEO ต้องโฟกัสให้ถูกเรื่อง โดยเฉพาะการเลือกคบเพื่อน เพราะมีอะไรให้ต้องทำมากกว่าแค่เสียอารมณ์จากที่เพื่อนชวนไปเที่ยวแล้วงอลที่เราไม่ไป มันก็ใช่อยู่ว่า การลงทุนหนึ่งที่คุ้มค่ามากไม่น้อยกว่าสิ่งอื่น คือการลงทุนในการสร้าง connection กับผู้คน การมีเพื่อน การมีสังคม คนรวยมักจะมองหาเพื่อนที่เป็นคนมีเป้าหมายและพร้อมชนเป้าหมาย เป็นคนที่มีแนวคิดและทัศนคติที่ดี แน่นอนว่าพวกเขาจะเร็วมากในการคัดคนคิดลบและเป็นพิษออกไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งคนรวยลงทุนด้วยการจ่ายเป็นล้านเพื่อพาตัวเองไปอยู่ในสังคมมหาเศรษฐี เพื่อศึกษาไลฟ์สไตล์ แนวคิดและเป้าหมายแบบพวกเขา คุณต้องใช้เวลากับคนที่คุณต้องการเลียนแบบ ใช้เวลาให้มาก เพื่อคุณจะได้สัมผัสอย่างเข้าใจพลังของการใช้เงินแบบเขา อารมณ์ของการใช้เงินแบบเขา เพราะสุดท้ายถ้าคุณไม่อาการหนักจนเกินไปคุณจะเข้าใจ และโคลนโมเดลเขามาได้ คบเขาไม่ใช่เพื่อจะไว้อวดว่ามีเพื่อนรวย แต่คบเพื่อจะเรียนรู้วิธีคิดเพื่อรวยยิ่งกว่าเขา ถ้าคุณเริ่มจริงจังกับตัวเองว่าจะรวย คุณน่าจะต้องเริ่มเช็คฐานเพื่อนรอบตัวคุณว่าเป็นอย่างไร เราคงไม่ได้บอกให้คุณไปเลิกคบเพื่อนของคุณทั้งหมด แต่เรากำลังบอกวิธีจัดลำดับความสำคัญของวงโคจรเพื่อนแบบใหม่ ถ้าวิธีคิดของคุณยังพร้อมตามง้อเพื่อนที่งอลถ้าเราไม่ไปปาร์ตี้ด้วย แบบนี้ก็น่าจะรู้คำตอบอะไรบางอย่าง… …
Brand Awareness สำคัญต่อธุรกิจไหม ?
เข้าใจอยู่ว่าเปิดธุรกิจมา สร้างแบรนด์มา ก็อยากจะขายของได้ ขายได้เร็ว ๆ ทันใจ แต่ช้าก่อน เจ้าของธุรกิจ ต้องทำความเข้าใจข้อนี้ อย่าเอายอดขายไปกดดันทีมนักสร้างแบรนด์เพราะการทำงานมันคนละ Objective แต่แน่นอน มันจะต่อยอดและส่งเสริมกันได้ ไม่ใช่ไปตั้งคำถามว่า ทำ Brand Awareness แล้วจะปิดการขายได้กี่บาท แบบนี้เจ้าของอาจจะต้องอายลูกน้องหรือทีมงานเพราะไม่เข้าใจเรื่องนี้แท้จริง Brand Awareness ทำหน้าที่หลักสำคัญ ใน 4 Objectives สำคัญ ทำให้คนรู้จักทั้ง กลุ่ม Mass ทั้งแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย สร้างให้รู้จัก และเป็นความคุ้นเคยกันอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้มั่นใจ สร้างมูลค่าเมื่อคนมั่นใจในแบรนด์แล้ว จะออกโปรดักส์หรือบริการอะไรใหม่ ภายใต้แบรนด์คนก็จะมีโอกาสเปิดรับได้ง่ายกว่า ได้เปรียบเพราะคนส่วนใหญ่ ไว้ใจแบรนด์ที่เขารู้จักและคุ้นเคยกันทั้งนั้น …
อย่าตัดสินเด็ก Gen ใหม่เพราะแค่เค้าคิดต่างจาก Gen ตัวเอง
อย่าตัดสินเด็ก Gen ใหม่ เพราะแค่เขาคิดต่างจาก Gen ตัวเอง เขาคือต้นแบบของความสำเร็จจากความกล้าคว้าโอกาส เพื่อเรียนรู้ทั้งล้มเหลว ผิดพลาด เพื่อแก้ไขได้เร็ว ยุคของ Internet ที่ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ในคนที่มีอายุน้อยมากขึ้น และเช่นกัน Internet ทำให้คนมีรายได้ รวยง่ายขึ้น เยอะขึ้นมาก ๆ จากโอกาสตรงนี้เราเลยจะพบเห็นคอนเทนต์ อายุน้อยร้อยล้านจำนวนไม่น้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างมาก จากผลสำรวจที่ทาง jcb Thailand เผยไว้นั้นก็สอดคล้องกับบทสัมภาษณ์ของ CEO คนดังระดับโลกหลาย ๆ คน ว่า การที่เราลงมือทำธุรกิจ ทดลองทำตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นคือโอกาสที่ให้เราได้เรียนรู้ผิดพลาด แก้ไข ได้เยอะครั้งและเป็นโอกาสสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ จากการทำแบบสอบถามและสำรวจของคนอายุ 13-17 ปี ของ Junior Achievement ได้คำตอบว่า 60% ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองมากกว่าการไปเป็นลูกจ้าง ถึงแม้จะกลัวความล้มเหลวและไม่สำเร็จในการทำธุรกิจอยู่บ้าง ซึ่งคอนเทนต์นี้จะอัปเดตว่า ทำไมเราถึงสนับสนุนความเชื่อตามแบบสำรวจนี้ ? กล้าที่จะแตกต่างและเป็นตัวเองที่ชัดเจน มันทำให้พวกเขาเหล่านั้น ค้นพบตัวตนหรือสิ่งที่ตัวเองสนใจได้เร็วและไวมากขึ้นกว่า Gen ก่อน ด้วยเวลาที่ค้นพบตัวเองอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาตัดสินใจลงมือทำ ถึงแม้จะผิดพลาดนั้น มันก็ทำให้มีโอกาสแห่งช่วงเวลาที่จะพลิกฟื้นขึ้นมาแก้ไขหรือเลือกทางเดินสำรองใหม่ได้ไวขึ้น Gen นี้มาพร้อมเทคโนโลยีที่เอื้อประโยชน์อย่างสูง ฉะนั้นเมื่อมีเทคโนโลยีที่ดีก็จะเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์เป็นเดต้ารองรับการตัดสินใจในโอกาสของประสิทธิภาพสูงได้มากขึ้น Power & Energy พวกเขามีพลังสร้างสรรค์มหาศาล บนวิธีคิดใหม่ ๆ ที่จะนำมาใช้ทดลอง อีกทั้งยังมีความสามารถพิเศษในการระดมคนที่มีแนวคิดหรือเป้าหมายเดียวกันมาทำสิ่งนี้ได้อย่างดีมาก ๆ Source: jcbThailand, 100WEALTH, moneyhub …
อย่าเชื่อความสำเร็จฉากหน้าโซเชียลมีเดีย แต่ให้ย้อนดูให้ลึกถึงฉากหลังให้ได้
อย่าเชื่อความสำเร็จฉากหน้าโซเชียลมีเดีย แต่ให้ย้อนดูให้ลึกถึงฉากหลังให้ได้ อาการแบบนี้น่าจะเกิดขึ้นกับหลาย ๆ คน กลุ่มหนึ่งแน่นอน คือ นักธุรกิจเจ้าของธุรกิจที่แวดล้อมด้วยเพื่อนทางเฟซบุ๊ก ไอจี ที่ล้วนแต่โพสต์เรื่องราวของความสำเร็จบนพื้นที่โซเชียลของพวกเขาในแต่ละวัน มากกว่าความสำเร็จ คือ การนำเสนอเรื่องเล่าชีวิตที่ดี จนบางครั้งใจเราก็เผลอแอบไปรู้สึกว่า อิจฉาจัง ทำไมชีวิตเขาดีจัง ทำไมเราไม่เก่งหรือสำเร็จแบบเขากันบ้าง และนี่คือจุดเริ่มต้นของการลดทอนคุณค่าในตัวเอง การลดศักยภาพตัวเอง การสร้างภาวะท้อใจให้กับตัวเอง เราต้องไม่ลืมว่า เรื่องราวบนเฟซบุ๊ก ไอจี มันคือสิ่งที่เค้าเลือกนำเสนอไม่ใช่ทุกด้านของชีวิตเค้า และหากโจทย์ของคุณคือ อยากสำเร็จแบบเขา ฝึกที่จะเจาะลึกและแกะแพทเทิร์นร่องความสำเร็จของเขา ผ่านการตั้งคำถามและสังเกตเชิงลึก เบื้องหลัง เช่น เพราะอะไรเขาถึงทำได้แบบนี้ เขาทำแบบไหนถึงเกิดความสำเร็จแบบนั้น แล้วความสำเร็จของเราหน้าตาแบบไหน ชีวิตและไลฟ์สไตล์แบบไหนที่เราอยากเล่าเรื่องบ้าง แล้วเราจะทำอย่างไร เริ่มต้นจากตรงไหนก่อน เพื่อให้เราไปถึงเป้าหมายความสำเร็จในแบบของเราบนแรงบันดาลใจจากเขาเช่นกัน …
ในการทำธุรกิจอย่าบอกว่าคนอื่นเขาโชคดีที่สำเร็จ เพียงเพราะไม่ได้เห็นหลังฉากที่เขาลงมือทำอย่างหนัก
ในการทำธุรกิจอย่าบอกว่าคนอื่นเขาโชคดีที่สำเร็จ เพียงเพราะไม่ได้เห็นหลังฉากที่เขาลงมือทำอย่างหนัก โอกาสที่ดีจะไม่ได้มาเมื่อเราพร้อมและต้องการ แต่จะมาเมื่อเราคู่ควรและโอกาสที่ดี จะมาพร้อมกับความพยายามที่จะได้รับมันอย่างหนัก มันก็ใช่อยู่ว่าสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจคือ ‘ทุน’ แต่ทุน ที่จะทำให้ธุรกิจนั้นเติบโตไม่ใช่เพียงแค่ เงินทุน แต่ยังหมายถึงทุนอื่น ๆ ที่สั่งสมมาในชีวิตของแต่ละคนด้วย สิ่งหนึ่งที่เป็นเคล็ดลับของคนที่พร้อมทะยานเข้าสู่โอกาสทางธุรกิจ นั่นคือ ‘การเตรียมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมพร้อมรับโอกาส’ ยกตัวอย่างเช่น การฝึกทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นต้องมี ในการใช้ทำงานบริหารหรือทำธุรกิจจากโอกาสนั้น ๆ สมมุติจะมีคนมาลงทุนเปิดร้านอาหารให้คุณ แต่คุณไม่มีทักษะอะไรสำคัญที่จะเป็นแกนหลักสร้างโอกาสให้ร้านนี้ไปรอดได้ ก็ย่อมปิดโอกาสที่วิ่งมาถึงมือคุณ เพราะแน่นอนว่าเมื่อโอกาสมาถึงนั้น เจ้าโอกาสมันจะคัดเลือกคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะรองรับและคู่ควรกับมัน …
MarTech คืออะไร ? และมีเครื่องมืออะไรที่จะช่วยให้นักการตลาดทำงานได้ดีขึ้น
การตลาดในยุคดิจิทัลขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี จึงเกิด MarTech หรือ Marketing Technology ขึ้น คือ เทคโนโลยีทางการตลาดที่นำ Software, Tool, Platform ที่พัฒนาขึ้นจากประโยชน์แห่งเทคโนโลยีมาช่วยในการวางแผน, ดำเนินการ, วัดผล, งานการตลาด มีผู้จัดไว้ 4 รูปแบบ คือ Management (การจัดการ) Social optimization (การเพิ่มประสิทธิภาพทางสังคม) Campaign reach (การเข้าถึงแคมเปญ) Insight generation (ความเข้าใจเชิงลึกในแต่ละเจเนอเรชั่น) ตาม MarTech Map ซึ่งเป็น “Marketing Technology Landscape 2022” ซึ่งจัดทำขึ้นโดย www.chiefmartech.com จะสามารถแบ่ง MarTech ได้ 5 ประเภท คือ Advertising & Promotion Content & Experience Social & Relationships Commerce & Sales Data Advertising & Promotion เทคโนโลยีด้านการโฆษณาและโปรโมชัน ซึ่งออกแบบมาเพื่อประโยชน์ด้านโฆษณาและกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ตัวอย่างเช่น Display & Programmatic Advertising Mobile Marketing Native Advertising PR Print Search & Social Advertising Video Advertising Content & Experience เทคโนโลยีด้านการสร้างคอนเทนต์และมอบประสบการณ์ เช่น Content Marketing CMS & Web Experience Management DAM & MRM & PIM Email …
ถ้าอยากบริหารธุรกิจสำเร็จเลือกตัดสินใจบนความถูกต้อง เมื่อไหร่ที่เลือกแค่ถูกใจอาจจะเสียหายใหญ่ยิ่ง
ถ้าคุณเป็น CEO จะตัดสินใจบนอะไร ระหว่าง ‘ถูกใจ’ หรือ ‘ถูกต้อง’ ผมเล่าในมุมของผม ในฐานะของ MD ที่นี่ และจากประสบการณ์ของการทำงานแสดง งานพิธีกร ฟรีแลนซ์ และจนปัจจุบันที่ผมบริหารธุรกิจอยู่ 3-4 บริษัท ผมมักจะได้ยิน 2 ประโยคนี้ มาคู่กันบ่อย ๆ บางครั้งเจอแบบมาพร้อมกัน คือจะเอาทั้งถูกต้องและถูกใจ อย่างนี้ผู้บริหาร หรือ CEO ต้องโฟกัสอะไรแบบนั้น ผมขอเล่าจากความคิดเห็นส่วนตัว ผมเน้นทำงานบนความถูกต้องมาก่อนเสมอ เพราะเรื่องของความถูกต้องนั้นเป็นเรื่องของการบริหารบนแนวคิดตามหลักสากล เพราะคนโดยส่วนมากจะคิดในหลักนี้กันทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ในการทำงานด้านซื้อสื่อโฆษณาที่มี Objective ชัดเจน มี Budget ชัดเจน มี Return จาก Media Spend ที่ชัดเจนและได้ตกลงกันไว้ แล้วเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดข้างบนที่ผมได้พูดไประหว่างทางแล้วจะคาดหวังผลลัพธ์แบบเดิมตั้งแต่ต้น แบบนี้ก็ชัดเจนมาก ว่าไม่ถูกต้อง ความถูกใจเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ คนเป็นร้อยคน เป็นล้านคนไม่มีทางชอบอะไรเหมือนกันและเป็นเรื่องของวิถีชีวิต กรอบประสบการณ์ล้วน ๆ ฉะนั้นความถูกใจจึงไม่เคยถูกนำมาวัดเป็นสากล และแทบจะวัดค่าอะไรไม่ได้เลย ผมยกตัวอย่าง ‘เรื่องความรัก ถ้าเป็นความถูกต้อง คนที่จะรักกันต้องโสดทั้งคู่ แต่ถ้าเป็นความถูกใจ เกิดผมดันไปหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งมาก ๆ แต่เขามีครอบครัวแล้วและผมพยายามจะแย่งมาครอบครองให้ได้ แน่นอนว่านั่นคือความไม่ถูกต้องแล้ว’ ความถูกต้อง VS ความถูกใจ ในการทำธุรกิจที่ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ไม่มีทางไปต่อได้ ถูกและดี ถ้าเลือกความถูกใจก่อนผลลัพธ์ตามมาที่เคยเจอคือความยุ่งเหยิง วุ่นวาย และบางครั้งถึงขั้นปวดหัว แต่ถ้าเลือกความถูกต้องก่อนจะไปต่อได้ง่ายขึ้น และความถูกต้องจะมาพร้อมกับสิ่งหนึ่งคือความเหมาะสม บางครั้งมันอาจจะขัดใจเราอยู่บ้างแต่ต้องฝึก เพราะถ้าธุรกิจของคุณขับเคลื่อนด้วยความถูกใจ คนที่จะเสียใจและเสียหายคงไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเจ้าของอย่างแน่นอน เลือกทำให้ถูกต้อง ผมว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว …